วันพฤหัสบดีที่ 10 พฤษภาคม พ.ศ. 2561

การเล่นหุ้น เป็นการพนันหรือไม่? และเป็น กุศล หรือ อกุศล

วันนี้เผอิญเห็นบทความของ ตังตฤณ ผ่านตามา เขียนถึงเรื่อง "เล่นหุ้นอย่างไร ไม่ให้ใจเป็นนักพนัน" ( https://web.facebook.com/dungtrin/photos/a.172991172758049.44204.169990773058089/1766483696742114/?type=3 ) แล้วนึกขึ้นได้ว่า กาลครั้งนึงในจักรวาลอันไกลโพ้น ผมก็เคยเขียนบทความลักษณะนี้ไว้มาก่อนบน note ส่วนตัว และตั้งให้เห็นได้เฉพาะ friends (ซึ่งเดิมทีเป็นข้อความที่ผมเขียนโพสต์ตอบใน group ธรรมะ อันนึงที่ผมเป็น admin สมัยที่ยังมีไฟกับเรื่องธรรมะอยู่)

ไหนๆก็ไหนๆ หยิบมารีรันอัพ blog เลยละกัน :D
;
;
;
======== บทความนี้ผมเขียนไว้เมื่อ May 3, 2013 ============

การเล่นหุ้น เป็นการพนันหรือไม่? และเป็น กุศล หรือ อกุศล


ยกมาจาก กระทู้ https://www.facebook.com/groups/185596294785898/permalink/600049053340618/
(ถ้าไม่ใช่สมาชิก group อาจจะอ่านไม่ได้ครับ)
======
สำหรับความเห็นของผมเองนั้น
ขึ้นอยู่กับคนเล่นว่าเล่นยังไง โดยปกติพวก VI จะไกลจากอาการของการพนันมากกว่า technical
เพราะใช้การวิเคราะห์ตัวธุรกิจ และคำนวณราคาหุ้นที่เหมาะสมเพื่อตัดสินใจว่าควรซื้อหรือไม่ซื้อ ควรซื้อที่ราคาไหน และบริษัทนี้จะประสบความสำเร็จอย่างคุ้มค่าที่ลงทุนไปรึเปล่า


แต่ แบบ technical เอง ก็มีทั้งที่ใกล้เคียงการพนัน และมีแบบไม่ใช่ด้วย
การพนันคือ เล่นกับความเสี่ยงและดวงล้วนๆ โดยไม่รู้เหนือใต้อะไรเลย


แต่นัก technical ที่เข้าใจหลักการเป็นอย่างดี จะรู้ว่าตัวเองกำลังเล่นอยู่กับเครื่องมือจับทิศทางอารมณ์ของนักซื้อขายคนอื่นๆในตลาดโดยใช้หลักการทางสถิติ รวมถึงอาศัยผลสะท้อนกลับทางพฤติกรรมของผู้ใช้ technical คนอื่นๆ (เรียกว่า ผลกระทบต่อราคาหุ้น จากปัจจัยทางเทคนิค) และพวกนี้จะมี โอกาสทำกำไรได้บ่อยมากครั้งเกินว่าจะเรียกว่าบังเอิญ พวกนี้อาจจะไม่ถือว่าเป็นการพนั แต่เทียบได้กับการซื้อของสินค้าเก็งกำไรในตลาดทั่วไปโดยอาศัยข้อมูลที่ได้เปรียบกว่าคนอื่นๆในตลาดนั้น

แต่ สำหรับคนที่เล่นแบบไม่รู้หลักการอะไรเลย แล้วซื้อขายโดยใช้การ คาดเดา ล้วนๆ แล้วนั่งลุ้นว่า กำลังจะได้หรือจะเสีย พวกนี้ก็จะใกล้เคียงการพนันที่สุด

สรุป
1). ถ้าทำด้วยความรู้ความเข้าใจ ก็ไม่ใช่การพนัน ถ้าทำโดยไม่รู้อะไรกะเสี่ยงดวงเอา ก็คือการพนัน

2). โลภหรือไม่โลภ เป็นอีกประเด็นหนึ่งแยกต่างหาก เพราะก็เป็นไปได้ที่จะเล่นด้วยค
วามหื่นกระหายต่อผลกำไร แต่ก็ทำทุกอย่างตามความรู้ความเข้าใจที่ถูกต้องตามความเป็นจริง ก็จะยังไม่ใช่การพนันอย่างเต็มตัว (การพนัน = โลภ + ความไม่รู้ ) ... แต่ลำพังโลภอย่างเดียว ก็เป็นอกุศลอยู่แล้ว และถ้ามันมากเกินไปก็มักจะขาดสติ นำความไม่รู้ตามติดมาด้วย กลายร่างเป็นการพนันไปเต็มตัว

วันอังคารที่ 8 พฤษภาคม พ.ศ. 2561

นักเทรดรู้ไว้ไม่เจ็บ - การ cutloss, การไม่เดาอนาคต, ไม่พาตัวเองไปอยู่ในสถานการณ์เสียเปรียบ

ขอย้ำว่าผมเป็นนักลงทุน VI กับแนว passive เป็นหลัก แต่เผอิญสอนเทรดได้ด้วยแค่นั้น :D

วันนี้เพื่อนนักเทรดคริปโตมือใหม่ เสียค่าครูไปพอควร เลยให้คำแนะนำบางอย่างไป แล้วก็เอามาแชร์บน blog / page ตัวเองด้วยเลย

สรุปสั้นๆละกันไม่ยืดเยื้อ ผมก๊อปข้อความแชทมาเลยขี้เกียจเกลา

เขาถาม : จะซื้อที่ราคา 50500 แต่ไปกดเลขผิด ซื้อ 52000 ซึ่งเปนราคาสูงมากตอนตลาดกำลังจะร่วงยาว กด cancel ไม่ทันเพราะราคาแพงขนาดนี้ย่อมมีคนขายทันที แถม..........ทันทีที่พลาดไปแล้วมีข่าวร้ายออกมาธนาคารนอร์เวย์สั่งให้สามารถปิดบัญชีคนเทรดคริปโตได้ กำลังคิดว่าควร cut loss ไหม
ผมตอบ : ถ้าเมื่อไหร่เหตุการณ์เริ่มผิดแผน ต้อง cutloss แบบไม่เกี่ยงราคา หนีให้เร็วที่สุด โดยเฉพาะถ้าแทรนด์กราฟไม่มีแววจะไปถึงจุดนั้นได้ (เช่น ติดดอย แต่เทรนด์กราฟกำลังลง)
ถ้าจำได้ ผมบอกว่า พวกนักเทรดจริงๆ ไม่มีการติดดอย เพราะเขาเลือกจะ cutloss แทน เวลาราคากำลังร่วงลง ถ้ายังไม่เห็นก้นหลุม ห้ามช้อนซื้อ มันไม่ใช่สิ่งที่นักเทรดจริงๆทำ
ต้องเห็นก้นหลุมก่อน และแน่ใจว่าดูจากกราฟแล้วมันมีสัญญานชัดพอว่ามันเปลี่ยนเป็นขาขึ้นแล้ว ค่อยเข้าซื้อ
นักเทรดจริงๆ ไม่ take action ด้วยการเดาอนาคต แต่เป็นการตอบสนองต่อสถานการณ์ตรงหน้าให้ถูกต้อง
 คือเราเดาได้นะ ว่าแนวรับแนวต้าน มีตรงไหนบ้าง
แต่เงื่อนไขการตัดสินใจสุดท้าย ต้องดูว่า ราคามันไปหยุดตรงนั้นจริงๆไหม

เขาถาม : cut loss ไม่ทันจริง ข่าวร้ายมาตอนนอนอยู่ แล้วไหม่มีข่าวร้ายแบบนี้มานานมากกกก ละ
ผมตอบ : บทเรียนคือ อย่าเปิด position หรือ session การเทรดค้างไว้โดยไม่มีการดูแลที่พร้อมจะ take action ได้ ยกเว้นว่าตลาดนั้นมันเสถียรพอจะเล่นกราฟ interval ระดับ daily ได้ แบบนั้นถึงจะเล่นแบบเปิด session ข้ามวันแล้วมาดูวันละทีได้
แต่ถ้ามันผันผวนมากจนต้องเล่น interval เล็กกว่านั้น ก็ไม่ควรเปิดข้ามวัน และต้อง monitor มันอยู่เสมอพร้อม take action ทันที

เช่น ในตลาดทองคำ เมื่อหลายปีก่อน มีเหตุการณ์ที่เรียกว่า สงกรานต์เลือด
คนถือทองค้างไว้ขาดทุนยับ ตอนวันหยุดสงกรานต์ของไทย ที่ในไทยไม่สามารถซื้อขายทองได้ แต่ตลาดทองคำนั้นเหมือนตลาดเงินตรา คือมันเปิดซื้อขายทั่วโลกกันตลอด 24 ชม. แล้วจะหยุดช่วงสั้นๆในคืนวันอาทิตย์เท่านั้น


การที่เราเปิด session การเทรดค้างเอาไว้ในเวลาที่เราไม่สามารถจะเทรดได้(ข้ามวันหยุดยาว) ในขณะที่นักเทรดทั่วโลกสามารถเทรดกันได้สบาย เป็นการพาตัวเองไปอยู่ในสถานการณ์เสียเปรียบ นักเทรดไม่ควรทำ

เพราะสนามการเทรด เป็นสนามที่นักเทรดลงมาต่อสู้ฟาดฟันกัน
ใครเปิดช่องโหว่แบบนั้น ก็ย่อมเสียหายเป็นเรื่องธรรมดา