วันนี้ผมอัพ blog จากหน้าโรงหนังลิโด้ กำลังนั่งรอดูหนังเรื่อง Parasyte อยู่ แต่เหลือเวลาอีกนานกว่าหนังจะฉายรอบ 2 ทุ่ม ก็เลยเขียน blog หน่อยดีกว่า
หลายวันมานี้ ตลาดหุ้นดูไม่ค่อยสดใสเท่าไหร่ ดัชนี SET ก็ขึ้นๆลงๆหาทางไปยังไม่เจอ ล่าสุดก็ตกลงมาอยู่แถวๆ 15xx อีกแล้ว
ในเวลาแบบนี้ พวก VI ที่นั่งทับมือตัวเองไว้มานาน ในใจก็แช่งลงๆ เพราะรอจะซื้อของตอนมันกลับลงมาที่ราคาต่ำกว่ามูลค่าที่คำนวณได้ ในระดับมี MOS (margin of safety) ตั้งแต่ 20% ขึ้นไป, เพราะที่ผ่านมาหุ้นบ้านเราแพงไปมากๆจากมูลค่าพื้นฐานที่ควรจะเป็น ทำให้หาซื้อหุ้นไม่ได้ (เมื่อใช้วิธี VI แบบดั้งเดิม), VI บางคนอาจจะล้างพอร์ตไปก่อนนี้แล้วเมื่อเห็นว่าตลาดอิ่มตัวและเริ่มเป็นฟองสบู่
แต่ถ้าใครเล่น VI แล้วยังไม่มี หุ้นเป้าหมายพร้อมกับราคาเหมาะสมอยู่ในมือ เวลานี้ก็ควรอย่างยิ่งจะเร่งทำการบ้าน ใส่หุ้นเป้าหมายไว้แล้วจับตาดูว่าเมื่อไหร่จะเข้าซื้อได้น่ะครับ
ส่วนพวกนักเก็งกำไร ไม่ว่าเวลาไหนก็ทำคล้ายๆเดิม คือรันระบบเทรดไปตามแผน แต่ตลาดแบบนี้ต้องเล่นพวกสัญญา ฟิวเจอร์ ต่างๆ ที่ทำงานได้ทั้งตลาดขาขึ้นและลง อย่างไรก็ตาม ตลาดที่ผันผวนจนเริ่มจะ side way แบบนี้ก็คงยากจะได้กำไรเหมือนกัน เพราะระบบเทรดจะทำงานได้ดี กราฟต้องมีเทรนด์ที่ชัดซักหน่อย ไม่ไช่แบบเดาทางไม่ได้แบบที่เป็นอยู่
วันเสาร์ที่ 16 พฤษภาคม พ.ศ. 2558
วันพุธที่ 13 พฤษภาคม พ.ศ. 2558
กระแสทีวีดิจิตอล, เมื่อความรู้เศรษฐศาสตร์แบบพื้นๆ ทำให้รอดจากความเสี่ยงใหญ่
"อมรินทร์"กระอัก! ขาดทุนไตรมาสแรก 117 ล้าน คิดเป็น 2,902% เหตุทีวีดิจิตอลถ่วง "โมโน"กอดคอ ติดลบ257%
พาดหัวข่าวจาก มติชน วันนี้ (http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1431520750)
ทำให้ผมนึกถึงเมื่อราว 2 ปีก่อน ที่กระแสทีวีดิจิตอลกำลังกรุ่นๆ ใครๆรอบตัวก็พูดถึงทีวีดิจิตอล และแน่นอนรวมถึงความคาดหวังจากการเก็งกำไรหุ้นของบริษัทที่ประกาศตัวชัดกว่าจะกระโดดเข้ามาในสนามนี้
ตอนนั้นผมหัดเล่นหุ้นใหม่ๆ ยังไม่ปีกกล้าขาแข็งนัก ก็คุ้ยๆหาหุ้นแนวอนุรักษ์นิยมหน่อย เน้นแบบกำไรสม่ำเสมอ และโตเรื่อยๆต่อเนื่อง
ไปสะดุดตากับหุ้น MCOT ซึ่งกำไรก็ดูดีมาก และยังไม่ over value
ผมเอาไปคุยกับเพื่อนๆที่ทำงาน ก็ได้รู้เพิ่มเติมว่า MCOT ก็มีแผนจะลุยตลาด ทีวีดิจิตอล เหมือนกัน (ตอนนั้นถ้าจำไม่ผิด MCOT มีข่าวด้านลบซักอย่างอยู่ ซึ่งก็เป็นส่วนนึงที่ทำให้ราคาหุ้นไม่วิ่งไปเหมือนอย่างตัวอื่นๆเขา) ทำให้รู้สึกว่าดูน่าเล่นขึ้นมาทันที
แต่อยู่ๆก็นึกขึ้นได้ว่า เค้กชิ้นนึง ที่เดิมมีคนแบ่งกันกินแค่ 5-6 คน, อยู่ๆจะมีการเปลี่ยนแปลงใหญ่ ที่ทำให้เค้กชิ้นเท่าเดิมนี้ จะมีคนมาแบ่งกันกินเป็นสิบๆคน แล้วผลกำไรที่เติบโตอย่างสม่ำเสมอต่อเนื่องที่เห็นอยู่ตอนนี้ มันจะยังเป็นอย่างงั้นต่อไปได้หรือ .. ผมคิดว่าไม่น่าจะเป็นไปได้
พอคิดแบบนี้ขึ้นมา ก็เลยตัดสินใจวางหุ้นนี้ลง (รวมถึงหุ้นทีวีดิจิตอลอื่นๆด้วย เพราะราคาแพงไปหมดแล้ว และผมก็ไม่มีความรู้ในตลาดนี้มากนัก) และหันไปหาหุ้นอื่นๆ
และข่าววันนี้ ก็ออกมาเป็นอย่างที่เคยคาดเอาไว้ ทำให้รู้สึกว่าวันนั้นโชคดีที่ไม่หลวมไปเล่นในตลาดนี้ตามกระแสฮิตในช่วงนั้น
แล้วเกี่ยวกับเศรษฐศาสตร์ยังไง ?
นิยามของเศรษฐศาสตร์ อย่างสั้นและเรียบง่ายที่สุดคือ ศาสตร์ของการบริหารทรัพยากรที่มีจำกัด เพื่อตอบสนองความต้องการของมนุษย์ที่มีไม่จำกัด
ในทางกลับกัน demand ในตลาดต่างๆ ก็สามารถมองเป็น ทรัพยากรที่มีจำกัดได้ และมันต้องตอบสนองต่อความต้องการ(อันไม่จำกัด) ของบริษัทต่างๆที่จ้องจะจับ demand เหล่านั้น เรื่องนี้ก็จึงเป็นไปตามหลักพื้นฐานของเศรษฐศาสตร์นี้เช่นกัน
นี่ขนาดแค่นิยามของศาสตร์เฉยๆ ก็ยังมีประโยชน์แล้ว
นักลงทุนที่จะสามารถอยู่รอดในตลาดระยะยาวๆได้ จึงควรหาความรู้ไว้เยอะๆน่ะครับ
ยิ่งรู้มากเท่าไหร่ ยิ่งลดความเสี่ยงได้มากเท่านั้น
วันจันทร์ที่ 11 พฤษภาคม พ.ศ. 2558
Hello World !! วันแรกกับการอัพ blog แห่งนี้
ในที่สุดก็มี blog ขึ้นมาซักที หลังจากเดิมมีแต่ตอบกระทู้ที่นั่นที่นี่ เกี่ยวกับการเงินการลงทุน แล้วเพื่อนๆ เห็นเราตอบจริงจังมีสาระเยอะ น่าจะอัพเป็น blog ไปเลยดีกว่า จะได้เก็บเป็นคลังความรู้ไว้กลับมาอ่านดูได้ง่ายๆ และเผื่อว่าวันนึงมันอาจจะเป็นประโยชน์กับคนอื่นๆที่ search มาเจอ ก็เป็นได้
ต่อจากนี้ ก็คิดว่า หากมีการตอบกระทู้ที่ไหน ที่เกี่ยวกับการเงินการลงทุน ก็จะเอามาเซฟเก็บไว้ที่นี่ด้วย
หรือหากวันไหนอยู่ๆ เกิดไอเดียบรรเจิด ไปอ่านไปคิด แล้วได้ความรู้ใหม่ๆมา อยากจะแชร์ ก็จะเอามาเก็บไว้ที่นี่เช่นกันครับ
เพจนี้จะถูกวางสถานะไว้เป็นต้นทางของเพจที่ผมเปิดไว้บน facebook พร้อมๆกันนี้ คือ https://www.facebook.com/sompolinvestment
เพราะว่ากลไกการ report บน facebook นั้นค่อนข้างเปิดกว้างให้ใครรีพอร์ทก็ได้ ทำให้เพจปลิวได้ง่าย
แต่ขณะเดียวกัน เครือข่ายบน Facebook ก็มีเพื่อนและคนรู้จักของเราอยู่เยอะกว่ามากๆ
ดังนั้นจึงคิดว่า ใช้วิธีอัพ blog ที่นี่เป็นหลัก แล้วแชร์ต่อไปบน facebook น่าจะดีกว่า เผื่อว่าเพจบน facebook มีปัญหาขึ้นมา ข้อมูลต่างๆจะได้ยังคงเหลืออยู่ที่ blog นี้ไว้กู้กลับคืนมาได้
วันนี้ก็พอแค่นี้ก่อน โปรดติดตามตอนต่อไป (ไม่รู้เมื่อไหร่) ได้น่ะครับ :D
ต่อจากนี้ ก็คิดว่า หากมีการตอบกระทู้ที่ไหน ที่เกี่ยวกับการเงินการลงทุน ก็จะเอามาเซฟเก็บไว้ที่นี่ด้วย
หรือหากวันไหนอยู่ๆ เกิดไอเดียบรรเจิด ไปอ่านไปคิด แล้วได้ความรู้ใหม่ๆมา อยากจะแชร์ ก็จะเอามาเก็บไว้ที่นี่เช่นกันครับ
เพจนี้จะถูกวางสถานะไว้เป็นต้นทางของเพจที่ผมเปิดไว้บน facebook พร้อมๆกันนี้ คือ https://www.facebook.com/sompolinvestment
เพราะว่ากลไกการ report บน facebook นั้นค่อนข้างเปิดกว้างให้ใครรีพอร์ทก็ได้ ทำให้เพจปลิวได้ง่าย
แต่ขณะเดียวกัน เครือข่ายบน Facebook ก็มีเพื่อนและคนรู้จักของเราอยู่เยอะกว่ามากๆ
ดังนั้นจึงคิดว่า ใช้วิธีอัพ blog ที่นี่เป็นหลัก แล้วแชร์ต่อไปบน facebook น่าจะดีกว่า เผื่อว่าเพจบน facebook มีปัญหาขึ้นมา ข้อมูลต่างๆจะได้ยังคงเหลืออยู่ที่ blog นี้ไว้กู้กลับคืนมาได้
วันนี้ก็พอแค่นี้ก่อน โปรดติดตามตอนต่อไป (ไม่รู้เมื่อไหร่) ได้น่ะครับ :D
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)